การคัดเลือกผู้พิจารณาอนุมัติโครงการชุมชนเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูท้องถิ่นสำหรับกองทุนประเภท ค
สำหรับกองทุนพัฒนาไฟฟ้าประเภท ค ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับการจัดสรรเงินน้อย ควรมีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม โดยมีปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าไม่เกินหนึ่งร้อยล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ต่อปี และมีรายได้ไม่เกินหนึ่งล้านบาทต่อปี ซึ่งมีพื้นที่ประกาศครอบคลุมถึงตำบลโดยรอบโรงไฟฟ้าที่อยู่ ในรัศมีจากศูนย์กลางโรงไฟฟ้าเป็นระยะทางรัศมีหนึ่งกิโลเมตร และตามระเบียบคณะกรรมการกำกับ กิจการพลังงาน ว่าด้วยกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการ ดำเนินงานของโรงไฟฟ้า พ.ศ. 2553 ข้อ 7 วรรคสาม กำหนดให้สำนักงาน กกพ. จัดให้มีผู้แทนซึ่งมาจาก เทศบาล หรือผู้แทนองค์การบริหารส่วนตำบล (รวมถึงผู้แทนจากกรุงเทพมหานคร และผู้แทนจากเมืองพัทยา) จำนวนไม่เกิน 3 คน เป็นผู้พิจารณาอนุมัติโครงการชุมชนเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูท้องถิ่น
1. การขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานกองทุน พัฒนาไฟฟ้าประเภท ค
ในแต่ละปีงบประมาณ หลังจากที่งบประมาณของกองทุนพัฒนาไฟฟ้าได้รับความเห็นชอบจาก กกพ. แล้ว สำนักงาน กกพ. จะทำหนังสือแจ้งหัวหน้าหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ประกาศ (นายก องค์การบริหารส่วนตำบล หรือ นายกเทศมนตรี) ทราบแนวทางดำเนินงาน การจัดให้มี ผู้แทนกองทุนประเภท ค (ผู้แทนฯ) คุณสมบัติและหน้าที่ของผู้แทนฯ รวมทั้งประสานงานกับผู้รับใบ อนุญาตเพื่อช่วยอำนวยการและทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของผู้แทนฯ
2. แนวทางการจัดให้มีผู้แทนจากเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบลใน พื้นที่ประกาศ
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุนพัฒนา ไฟฟ้า และเพื่อเปิดโอกาสให้ภาคประชาชน โดยเฉพาะชุมชนรอบพื้นที่โรงไฟฟ้าได้มีส่วนร่วมในการบริหาร และจัดการเงินกองทุนฯ ซึ่งการกำหนดพื้นที่ประกาศ หรือพื้นที่ได้รับประโยชน์จากกองทุนพัฒนาไฟฟ้านั้น จะพิจารณาจากตำบลที่อยู่ภายใต้รัศมี 1 กิโลเมตรจากศูนย์กลางโรงไฟฟ้าเป็นสำคัญ ซึ่งมีผู้แทนจาก เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ประกาศ (ผู้แทนฯ) เป็นผู้พิจารณาอนุมัติโครงการชุมชน เพื่อพัฒนาและฟื้นฟูท้องถิ่นตามที่ กกพ. กำหนด โดยสรุปแนวทางในการคัดเลือกผู้แทนฯ ดังนี้
(1) กองทุนในพื้นที่ประกาศมีพื้นที่ครอบคลุมหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น เพียงหน่วยงานเดียว (เช่น ในพื้นที่ประกาศรัศมี 1 กิโลเมตรจากศูนย์การโรงไฟฟ้า ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเดียว และมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบลรับผิดชอบเพียงหน่วยงานเดียว) ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้น พิจารณาจัดส่งผู้แทนฯ จำนวนไม่เกิน 3 คน
(2) กองทุนในพื้นที่ประกาศมีพื้นที่ครอบคลุมหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น 2 หน่วยงาน ให้หัวหน้าหน่วยงานที่เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้า (นายกองค์การบริหารส่วนตำบล นายกเทศมนตรี) พิจารณาจัดส่งผู้แทนฯ จำนวน 2 คน และหัวหน้าหน่วยงานที่มิใช่เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าพิจารณาจัดส่งผู้แทนฯ จำนวน 1 คน
(3) กองทุนในพื้นที่ประกาศมีพื้นที่ครอบคลุมหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น 3 หน่วยงาน ให้หัวหน้าหน่วยงานแต่ละหน่วยงาน (นายกองค์การบริหารส่วนตำบล นายกเทศมนตรี) พิจารณาจัดส่งผู้แทนฯ หน่วยงานละ 1 คน
(4) กองทุนในพื้นที่ประกาศมีพื้นที่ครอบคลุมหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น มากกว่า 3 หน่วยงาน ให้หัวหน้าหน่วยงานที่เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้า (นายกองค์การบริหารส่วนตำบล นายกเทศมนตรี) พิจารณาจัดส่งผู้แทนฯ จำนวน 1 คน สำหรับผู้แทนฯ สัดส่วนที่เหลือ (จำนวน 2 คน) ให้ หัวหน้าหน่วยงานที่มิใช่เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้า (นายกองค์การบริหารส่วนตำบล นายกเทศมนตรี) พิจารณา จัดส่งตัวแทนหน่วยงานละ 1 คน โดยสำนักงาน กกพ. ประจำเขต ประสานขอความร่วมมือจากนายอำเภอหรือ หัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่า หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอ ที่เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าเป็นผู้ดำเนินการ จัดให้มีการคัดเลือกเป็นผู้แทนฯ สัดส่วนที่เหลือ จำนวน 2 คน
3. การแจ้งรายชื่อผู้แทนฯ
หลังจากได้รายชื่อผู้แทนฯ จำนวน 3 คน ตามแนวทางที่กำหนดในข้อ 1.3 แล้วให้สำนักงาน กกพ. ประจำเขต ดำเนินการรวบรวมรายชื่อ และตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่หน่วยงานในพื้นที่ประกาศเสนอ
ชื่อผู้แทนฯ ส่งให้สำนักงาน กกพ. (ส่วนกลาง)
เพื่อแต่งตั้งเป็นผู้แทนกองทุนประเภท ค ต่อไป
4. คุณสมบัติของผู้แทนฯ
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ในการจัดตั้งกองทุนพัฒนาไฟฟ้า และเพื่อเปิดโอกาสให้ภาคประชาชน ได้มี ส่วนร่วมในการบริหารและจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า กกพ. จึงได้ กำหนดคุณสมบัติของผู้แทนฯ ที่หัวหน้าหน่วยงานในพื้นที่ประกาศจะเสนอ รายชื่อเพื่อเป็นผู้แทนฯ จำนวนไม่เกิน 3 คน ให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ ผู้แทน คพรฟ. ภาคประชาชน
คุณสมบัติของผู้แทนจากเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ประกาศ (ผู้แทนฯ) ต้องมี คุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้
(1) มีสัญชาติไทย
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 70 ปีบริบูรณ์
(3) มีพื้นความรู้ไม่ต่ำกว่าการศึกษาภาคบังคับ หรือที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบไม่ต่ำกว่า การศึกษาภาคบังคับ
(4) มีชื่อในทะเบียนบ้านที่อยู่ในพื้นที่ประกาศติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันที่ ดำเนินการคัดเลือกหรือเสนอรายชื่อผู้แทน
(5) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
(6) ไม่ติดยาเสพติดให้โทษ
(7) ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือไม่เคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
(8) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(9) ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายศาล
(10) ไม่เคยเป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่สองปีขึ้นไป โดยได้พ้นโทษมายัง ไม่ถึงห้าปีในวันดำเนินการคัดเลือกหรือเสนอรายชื่อผู้แทนฯ เว้นแต่ความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือ ความผิดลหุโทษ
(11) ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ เพราะทุจริต ต่อหน้าที่ หรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
(12) ไม่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในนิติกรรมสัญญาที่ทำกับกองทุนพัฒนาไฟฟ้า
5. วาระการดำรงตำแหน่งของผู้แทนฯ
เพื่อ
ให้การบริหารจัดการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าประเภท ค
เป็นไปอย่างต่อเนื่องมีประสิทธิภาพ สำนักงาน กกพ.
จึงกำหนดวาระในการดำรงตำแหน่งของผู้แทนฯ มีวาระในการดำรงตำแหน่งคราวละ 4
ปีนับตั้งแต่วันที่ ได้รับการแต่งตั้ง
ประกอบกับโครงการชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนเงินจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าประเภท ค
ดำเนินงานโดยหน่วยงานของรัฐ เมื่อโครงการชุมชนได้รับการอนุมัติ
ก็สามารถดำเนินการตามระเบียบของหน่วยงาน นั้น ๆ ต่อไป